วางเงินเราตั้งใจสร้างบ้านให้ดีที่สุดอย่างที่พูดและที่ Post ไว้ใน Web ของเราทั้งหมดครับ   ValueHome ของเราเป็นบุคคลในครอบครัว ไม่มีการตั้งบริษัทมาสร้างหรือขาย  ลูกค้าผู้ซื้อบ้านจะทำสัญญากับตัวเจ้าของบ้านผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยตรง โดยไม่มีบริษัทอะไรมาคั่นครับ

เรื่องนี้ ขอฝากข้อสังเกตไว้นิดนึงครับ บางท่านอาจเข้าใจว่า ถ้าอยากให้ดูมั่นคงควรจะต้องซื้อขายบ้านกับบริษัท แต่จริงๆ แล้ว บริษัท (ชื่อเต็มๆ คือ บริษัท"จำกัด" หรือ บริษัท"จำกัด"(มหาชน) ก็ตาม) หมายถึง "จำกัดหนี้สินและความรับผิด" ของเจ้าของ(ผู้ถือหุ้น)ไว้เท่ากับค่าหุ้นที่ยังจ่ายไม่ครบเท่านั้น บริษัททั่วๆ ไปถ้าชำระทุนจดทะเบียนครบ ก็เท่ากับว่าเจ้าของไม่ต้องรับผิดอะไรอีกแล้วครับ บริษัทที่ไม่ได้มีทุนจริงตามที่แจ้ง หรือมีหนี้สินสูงกว่าทุน (ก็คือ ทุกบริษัทที่มีอัตราส่วน D/E เกิน 1:1 ก็บริษัทอสังหาฯ เกือบทั้งหมดน่ะครับ) หรือเอาเงินทุนไปหมุนเวียน หรือให้กรรมการ ผู้ถือหุ้น บริษัทอื่นยืมไปก็มีครับ

ถ้าเป็น ValueHome ของเรา เกิดอะไรขึ้น เจ้าของในฐานะผู้ขายต้องรับผิดโดยตรงกับลูกค้าครับ เพราะเราเป็นคนที่ทำสัญญากับลูกค้าโดยตรง สัญญาก็ไปทำกันที่บ้านที่ครอบครัวผมอยู่อาศัยเลย หนีไปไหนก็ไม่ได้ ทรัพย์สินของเจ้าของมีอะไรก็บังคับเอาได้หมด ความรับผิดทั้งแพ่งและอาญาก็ถึงตัวบุคคลเลย (ไม่ได้อยู่แค่เซลล์หรือ ผจก.โครงการฯ) แต่เราไม่กังวลครับ เพราะเราคิดเพียงแต่ว่าเราทำบ้านให้ดีที่สุดเหมือนบ้านของเราเอง มีอะไรก็ยินดีรับผิดชอบ เราจึงไม่กลัวที่จะรับผิดชอบกับลูกค้าโดยตรงครับ 

อีกประการหนึ่ง ValueHome ยึดหลักทำธุรกิจแบบพอเพียงมาโดยตลอด ไม่มีการกู้เงินมาลงทุน เลยไม่ต้องจำนองบ้านและที่ดินที่สร้างไว้กับใคร ที่ดินที่สร้างเป็นชื่อของเจ้าของและคนในครอบครัวเองทั้งหมด สัญญาซื้อขายก็ทำกับเจ้าของที่ดินที่มีชื่อในโฉนด หากเกิดอะไรขึ้น ก็ยังมีทรัพย์สินอยู่ให้ลูกค้าอุ่นใจ โดยไม่มีธนาคารหรือเจ้าหนี้รายไหนจะมีสิทธิมายึดไปได้ ซึ่งไม่เหมือนโครงการอื่นที่บ้านและที่ดินติดจำนองธนาคารเกือบทั้งหมด เกิดอะไรขึ้นแบงค์ก็มายึดไปขายทอดตลาดใช้หนี้ได้ โดยลูกค้าที่วางเงินจอง/ดาวน์ไป หรือซื้อบ้านไปแล้วไม่ดี จะไม่เหลืออะไรเลย ไปฟ้องเจ้าของก็ไม่ได้เพราะสัญญาทำไว้กับบริษัทครับ ซึ่งท่านคงเคยได้เห็นได้ยินกันบ่อยๆ ที่บริษัทจะอ้างว่าเป็นความผิดของลูกจ้างที่ไล่ออกไปแล้วบ้าง หรือเจ้าของบริษัทปิดบริษัทหนี หรือยอมให้บริษัทล้มละลาย ถ่ายเททรัพย์สินออกจากบริษัทไป ซึ่งลูกค้าผู้เสียหายก็ไปฟ้องบริษัทที่เหลือแต่กระดาษนะครับ

ซื้อบ้านและที่ดิน ถ้าจะให้ชัวร์ที่สุด ต้องได้เห็นบ้าน ที่ดินจริง และเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์จริงที่ไม่ติดภาระผูกพันใดๆ และได้ทำสัญญากับคนที่มีชื่อในโฉนด จริงไหมล่ะครับ?